หน้าเว็บ

คลื่นกระแสพลังงานมาจากไหน



คลื่นกระแสพลังงานมาจากไหน
(ตอบปัญหาธรรมโดย หลวงตาม้า วิริยธโร)

".....อดีตมันไปปัจจุบัน ปัจจุบันมันไปอนาคต มันไล่ๆไปเรื่อยๆใช้ไม มันไม่มีที่สิ้นสุดหรอก ถ้าเราไม่ฝึก ดังนั้นสถานที่ ที่หลวงพ่อ(หมายถึงหลวงปู่ดู่) ท่านบอกเนี่ย คือเอ็งทำสถานที่ไว้ให้คนฝึก ที่สมัยก่อนหลวงตาไปหาที่ ไปตามคำหลวงพ่อ(หลวงปู่ดู่สั่งไว้) หาที่คือ ที่ที่มีอาหารนั้นแหละ ท่านบอก มีที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค แล้วเอ็งก็ฝึกเลย ให้มันห่างจากทางโลก....

ทำอย่างไรก็ได้ให้มันอยู่ ท่านบอกทำอย่างไรไม่ให้มันดิ้นไปทางโลก วิธีการมันเยอะแยะท่านบอก เอ็งจะอธิษฐานอยู่วิเวกคือกายวิเวก อยู่ในห้องก็ได้ หรือถ้ามันดิ้นมาก เอ็งจะมาจิตวิเวกกายวิเวก มาอยู่กับคนหมู่มากเนี่ย แต่ทำให้จิตวิเวกคือทำให้เหมือนอยู่คนเดียวก็ได้ แม้คนหมู่มากแต่ไม่คุยกับใคร คุยน้อยสวดมนต์ แผ่เมตตา โมทนาบุญ บันทึกบุญเยอะๆ สลับกันทั้งสอง กายวิเวกมั่ง จิตวิเวกมั่ง การพูดคุยเนี่ยท่านว่ามันฝึกได้ ถ้าเรามาฝึกจริงๆเนี่ย คุยมากๆหน้าจะหยุดเพราะคุยมาตั้งแต่เด็กแล้ว บันทึกมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่จำความได้อ่ะ...

รูป รส กลิ่น เสียง จมูก ลิ้น กาย ก็บันทึกกันมาตลอด ทางโลกไม่ว่าจะการเรียน การอาชีพตลอดไม่ได้หยุด กระแสของโลกก็เข้าตลอดแม้แต่ความฝัน แต่เมื่อเรามาสวดมนต์ภาวนา ในพุทธศาสตร์เนี่ย จิตเรามันก็ห่างจากกระแสทางโลก อยู่กับไตรสรณคมน์ อยู่กับจักรพรรดิ์ ตามที่ท่านบอกนั้นแหละ อยู่กับพรหมวิหาร อยู่กับบุญกระแสมันก็สว่างมันไม่เหมือนเก่า เมื่อก่อนที่เรายังไม่ฝึกเนี่ยวันหนึ่งเนี่ย ไม่รู้อารมณ์เป็นอะไรบ้าง เป็นเปรตก็มี เป็นเทวดาก็มี เป็นพรหมก็มี เป็นอสูรกายก็มี เป็นสัตว์เดรัจฉานก็มี มีหมดเลย เกือยทั้งวัน เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา โดยทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย รูป รส กลิ่น เสียง นั้นแหละ...

คลื่นเราก็ไปเรื่อยๆ เวลาโกรธ เวลาหงุดหงิด มันไปเรื่อยๆแหละ ที่นี้เวลาเรามาสวดมนต์ คลื่นพวกนั้นหายไปเลย รู้ไหมคลื่น(พลังงาน)พวกนั้นมาจากไหน บางคนไม่เข้าใจนะฮะ ??....

มาจากโลกเนี่ย พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระปัจเจก โพธิ์สัตว์ที่ท่านสร้างบารมี อยู่ในโลกเนี่ยไม่ได้ไปไหน ท่านตรัสรู้ไปแล้วท่านเอาไปไม่ได้ ท่านเอาไปแต่ความรู้สึก แต่พลังงานยังอยู่ในโลก ดังนั้นเวลาเราสวดเนี่ย กระแสนั้นมันก็จะมาที่เรา มาที่เรานะฮะ มาบ่อยๆจิตเราสว่างนะฮะ เหมือนเราลองย้อนไปอดีตสิ มีทุกคนนั้นแหละ(หมายถึงความทรงจำ) เวลาเรานึกถึง เรื่องราวในอดีตของเราสิ มันเป็นสายเลยนะ ถ้านึกนี้มันยาว ทั้งดี ทั้งไม่ดี เหมือนเวลาคุยกันนั้นแหละกระแสมันจะมา ความรู้ ความอะไรมาหมดแหละ ....ฮ่าๆ(หลวงตาหัวเราะ)...คนถึงชอบคุยกัน จะรู้เลยในอดีตทำไรมาโน่นนี้นั้น ไม่มีอะไรฮะ เรื่องเดิมๆ โลกๆมันเรื่องเดิม เรื่องโลกๆไม่มีเรื่องอะไรใหม่หรอกฮะ...

แต่เรื่องธรรมะเนี่ย กระแสของจิตเราอยู่กับธรรมมะ คืออยู่กับไตรสรณคมน์ อยู่กับจักรพรรดิ์ อยู่กับพรหมวิหาร อยู่กับบุญกุศล อยู่กับหลวงพ่อเนี่ย(หลวงตาชี้ไปที่รูปหลวงปู่ดู่) อยู่กับโพธิ์สัตว์ แตกต่างจากทางโลกนะฮะ มันเป็นคลื่นแห่งความรู้ กระแสแห่งความดี ท่านบอกอย่างน้อยๆเอ็งสวดมนต์ไปเนี่ย จิตเอ็งก็สว่างใช่ไหมมันก็เกิดความรู้ฮะ จิตสว่างคือจิตของความดีฮะ ในความสว่างนั้นก็มีความหลากหลาย มีเยอะฮะ สรรพวิชา ในทางโลกก็เหมือนกันท่านบอก ถ้าเอ็งคิดทางโลก สรรพวิชาทางโลกเนี่ย ถ้าเอ็งเคยเรียนมาเนี่ย เอ็งก็จะรู้...

เหมือนไปไหนมาไหนอะ เราเห็นอาชีพที่มนุษย์ทำ ในชาติปัจจุบันเราไม่เคยทำหรอก แต่มองปั๊บเห็นปั๊บเนี่ย อดีตมันขึ้นมาทันทีนะฮะ เราจะรู้เลยเนี่ย มันทำผิด หรือทำถูก เพราะเราเคยทำมาก่อนในอดีตงัย นั้นแหละคือกรรม มันบันทึกไว้ วิธีเดียวที่เอ็งจะหนีกระแสไม่ดีนั้นได้อย่างไร

ท่านบอกวิธีเดียวคือ กรรมฐาน ท่านว่า..........."

ถอดเทป 16 ก.พ. 2563 หลวงตาม้าบรรยายธรรม วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) จ.เชียงใหม่