หลวงพ่อผจญ อสโม
อดีตประธานสงฆ์วัดป่าสิริปุญญาราม
บ้านหมากแข้ง ต.หนองงิ้ว อ.วังสะพุง จ.เลย
หลวงพ่อผจญ อสโม ท่านเกิดที่บ้านหนองแก ต.ขัวเรียง อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๘ โดยมี ท่านพระครูเขมาภาพิสุทธิ์ (หลวงปู่หลี) วัดประสิทธิ์ไพศาล อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เป็นพระอุปัชฌาย์
หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงพ่อผจญท่านได้ติดตาม หลวงพ่อดาด สิริปัญโญ มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ศึกษาธรรมกับ " พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม " ที่ วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ.โคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย..
หลวงพ่อผจญท่านเล่าเรื่องตอนท่านมาอยู่ศึกธรรมกับองค์ท่านหลวงชอบให้ฟังว่า " ตอนนั้นผมก็บวชมาใหม่ๆยังไม่ได้พรรษา พรรษาแรกที่บวชก็เข้ามาอยู่กับหลวงปู่ชอบ หลวงปู่ชอบสมัยนั้นท่านยังเดินได้ ท่านจะดุกับลูกศิษย์มาก ใครคิดอะไรนอกลู่นอกทางท่านจะรู้ทั้งหมด ขนาดคิดในใจของตนเองอยู่กุฏิ พอเข้ามาสรงน้ำทำข้อวัตรกับท่าน หลวงปู่ชอบท่านจะว่าให้ทำไมถึงต้องไปคิดในเรื่องนี้ๆ ทุกคำในความคิดของเราท่านจะว่าออกมาทั้งหมด จนผมนี้กลัวในความคิดของตนเอง ไม่กล้าคิดปรุงแต่งออกนอกทางกลัวหลวงปู่ชอบท่านจะว่าให้ "..
" ผมมีสติอยู่กับจิตก็เพราะหลวงปู่ชอบท่านกำหราบตั้งแต่อยู่กับท่านที่บ้านโคกมน อยู่กับหลวงปู่ชอบ
![]() |
หลวงพ่อดาด |
" ตอนมาอยู่กับหลวงปู่ชอบใหม่ๆ ผมก็ยังบวชใหม่ไม่รู้ธรรมเนียมของท่าน ผมตอกไม้เกีย(ไม้สีฟัน)จะเอาไปถวายท่าน คิดว่ากุฏิเราอยู่ใกลกับท่าน จึงนั่งตอกไม้เกียดังเป๊กๆอยู่จนบ่าย พอไปสรงน้ำท่าน หลวงปู่ชอบท่านถาม ผจญ ท่านตอกไม้เสียงดังรบกวนการปฏิบัติของหมู่คณะ รบกวนการปฏิบัติของเรา ท่านไม่เห็นใจเมตตาครูบาอาจารย์กับหมู่คณะบ้างหรือ ทำอะไรให้พิจารณาบ้าง อย่าทำตามความสะดวกของตัวเองมากนัก "
" ผมละอายแก่ใจตนเองมาก เราก็ลืมไปว่าตอนนั้นครูบาอาจารย์กับหมู่คณะท่านทำความเพียรกันอยู่ พอหลวงปู่ชอบท่านว่าให้แบบนี้ วันหลังตัวเองก็หอบเอาไม้เกียไปตอกอยู่ทางเข้าวัดหลังโรงเรียนบ้านโคกมน "..
"
ตอกไม้เกียก็กลัวมันเสียงดังไปรบกวนธรรมของหมู่คณะ กลัวที่สุดมันจะไปรบกวนธรรมของพ่อแม่ครูอาจารย์ชอบ ไม่กล้าเอาไม้เกียมารองพื้นตอกกลัวมันเสียงดัง ผมเอาผ้าอาบน้ำฝนมารองที่ต้นขาเพื่อซับเสียงเวลาตอกไม้เกีย นั่งตอกไม้เกียจนครบ ๑๐๐ อัน ตามที่ตนเองตั้งใจจะเอาไปถวายหลวงปู่ชอบ กว่าจะตอกไม้เกียเสร็จต้นขาทั้งสองข้างของผมจนห้อเลือดปวดไปหมด เดินกลับเข้าวัดจนขากะเผลก "..
" เอาไม้เกียไปถวายหลวงปู่ชอบ หลวงปู่ท่านบอก ตอกไม้เกียจนเจ็บขานะท่าน คนอื่นเขาตอกไม้เกียยังไม่เจ็บขาเหมือนท่าน เอ้า..เอายาหม่องไปทาขาตัวเอง ท่านยื่นยาหม่องให้เอามาทาขาตนเองที่เจ็บอยู่ในตอนนั้น ผมดีใจซาบซึ้งในเมตตาของครูบาอาจารย์ที่ท่านรู้ว่าเราเป็นอะไร ตอนนั้นผมตั้งใจว่าถวายไม้เกียหลวงปู่ชอบแล้วจะไปขอยาหม่องกับอาจารย์ดาดมาทาขาตนเอง หลวงปู่ท่านรู้ก่อนท่านจึงเอาให้ ผมก็เลยไม่ไปขอยาหม่องกับอาจารย์ดาด เอายาหม่องหลวงปู่ชอบทาขาของตนเองจนหาย โห้..หลวงปู่ชอบท่านไม่ธรรมดา อุตส่าห์หลบท่านออกไปตอกไม้เกียอยู่นอกวัดแล้วหลวงปู่ท่านยังตามไปรู้อีก
![]() |
หลวงปู่บัวคำ มหาวีโร |
องค์ท่านหลวงปู่ชอบให้พระแปดองค์และตาผ้าขาวเกตุ(หลวงปู่เกตุ)ติดตามท่านไปเที่ยววิเวกที่ภูเรือ หลวงพ่อผจญท่านเป็นหนึ่งในพระแปดรูปที่ติดตามองค์ท่านหลวงไปเที่ยววิเวกในครั้งนั้น และเป็นครั้งแรกที่หลวงพ่อผจญท่านออกเที่ยววิเวกโดยมีองค์ท่านหลวงปู่ชอบเป็นผู้ฝึกให้..
หลวงพ่อผจญท่านเล่าเรื่องเที่ยววิเวกครั้งแรกของท่านให้ฟังว่า การเที่ยววิเวกกับหลวงปู่ชอบนี้สมบุกสมบันทุกข์ยาก และเหนื่อยมาก ไปกับหลวงปู่ชอบถ้าท่านไม่พาหยุด ก็จะหยุดพักกันเองไม่ได้ หลวงปู่ชอบท่านเดินเร็วมาก ขนาดเราเป็นพระหนุ่มยังเดินจ้ำอ้าวตามหลังท่านแทบจะไม่ทัน เวลาเดินหลวงปู่ชอบท่านจะไม่ให้คุยกัน ท่านให้เดินภาวนาไปด้วย ให้เดินกำหนดจิตภาวนาเหมือนกับเดินจงกรมอยู่วัด ท่านบอกมันถึงจะไม่เหนื่อยมาก..
หลวงปู่ชอบท่านพาเดินออกจากบ้านโคกมนรวดเดียวสิบกว่ากิโลโดยไม่พาแวะพักข้างทางที่ไหน ผมเหนื่อยมากขาจนขาสองข้างล้าไปหมด เดินแบกบาตรบริขาร ยิ่งเดินไกลเท่าไหร่ บริขารยิ่งหนักขึ้นไปเรื่อยๆ นึกในใจว่าเมื่อไหร่ท่านจะพาหยุดพักซักที นึกท้อในใจของตัวเองมากเข้าหลายครั้งหลวงปู่ชอบท่านหันมาว่าให้..
"
![]() |
หลวงพ่อผจญ ในพรรษาแรกๆ |
" โหย..เดินนำหน้าหลวงปู่ชอบยิ่งหนักกว่าเดิมอีก หลวงปู่ท่านเดินเร็วไล่หลังมา เราก็เร่งเดินให้เร็วขึ้นกว่าเดิม พอเดินผ่อนช้าลงท่านก็เอาไม้เท้าแทงจี้หลังให้เดินเร็วๆ "..
" โอ๊ย..นึกสมน้ำตัวเอง เราไม่น่านึกท้อขึ้นมาเลย พอครูบาอาจารย์ท่านจับจิตเราได้ ท่านยิ่งทรมานกิเลสของเราหนักขึ้นกว่าเดิมอีก จื่อบ้อบาดนี้กิเลส(จำมั๊ยหล่ะกิเลสคราวนี้) หาเหตุให้ตัวเองถูกครูบาอาจารย์ท่านทรมานกิลสจนได้ " ว่าจบหลวงพ่อผจญท่านก็หัวเราะขำขันตัวเองขึ้นมา ก็เลยพลอยขำไปกับท่าน ดูแววตาเวลาท่านเล่าเรื่องตนเองตอนอยู่ปฏิบัติกับองค์ท่านหลวงปู่ชอบ แววตาของหลวงพ่อผจญท่านดูสดใสมาก..
หลวงปู่ชอบท่านพาหลวงพ่อผจญและลูกศิษย์ท่านอื่นๆแวะที่ วัดศรี
![]() |
หลวงปู่เฉย สุภัทโธ |
หลวงพ่อผจญท่านว่า ดีใจหลายหลวงปู่ชอบท่านพาแวะพักแล้ว ได้ฉันน้ำร้อนใส่กับงบน้ำอ้อยรู้สึกโล่งเบามีแรงขึ้นมา ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าพลอยบรรเทาเบาบางลงไปเป็นอย่างมาก ร่างกายเกิดความกระปี้กระเป่าสดชื่นขึ้นมาอย่างทันตาเห็น..
ท่านนั่งดูบ่าทั้งสองข้างของตนเอง ลองเอามือลูบจับดู รู้สึกเจ็บแสบแปล่บๆขึ้นมาในเวลาที่มือสัมผัสกับบ่า บ่าทั้งสองข้างของท่านห้อเลือด หนังกรำพร้าลอกออกจนใกล้จะแตกเนื่องจากถูกแรงกดทับของถุงบริขาร..
ท่านว่าเจ็บบ่าทั้งสองข้างมาก นึกถึงตอนตนเองยังไม่ได้บวช ทำไร่ทำนากับพ่อแม่ว่าหนักแล้ว แต่ถึงจะหนักยังไงพอเหนื่อยมาก็หยุดพักเองได้ตามใจชอบ พ่อแม่ก็ไม่ว่าอะไร แต่พอบวชมาอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่ชอบ ท่านว่าหนักไปกว่านั้น เพราะถูกหลวงปู่ชอบท่านเคี่ยวเข็ญอย่างหนักทั้งกายและใจจนทำให้ท่านคิดถึงบ้าน..
ท่านว่า “ บางคนเขาก็ถามผม อาจารย์ได้เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ชอบคือสิบุญหลายสายยาวเน๊าะ คือสิสบายแท้เน๊าะ "..
เราอยากให้ผู้ที่ถามนั้นได้ลองมาเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ชอบดู แล้วจะรู้ซึ้งเอง บุญหลายสายยาวได้เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ชอบ อันนี้เราไม่ปฏิเสธ เกิดมาเป็นล้านๆชาติ ก็มีชาตินี้แหละที่ผมมีวาสนามากที่สุด ถ้าไม่มีหลวงปู่ชอบท่านฝึกหัดหลักจิตหลักใจให้ในเบื้องต้น ป่านนี้ผมคงจะเป็นคนเหยาะแหยะ หรือไม่ก็คงได้สึกออกไปเป็นอ้ายทิดแล้ว ”..
“ ได้หลักจิตหลักใจ ได้ความมานะอดทนจากหลวงปู่ชอบไป พอไปอยู่กับครูบาอาจารย์องค์ไหนก็ทนได้หมด ก็อาศัยฝึกฝนตนเองกับครูบาอาจารย์องค์อื่นๆสืบกำลังวังชา เสริมสติปัญญาของตนเองต่อไป เบ้าหลอมที่สำคัญเบื้องต้นของพระเณรคือการได้อยู่ฝึกฝนกับครูบาอาจารย์ที่ท่านรู้ธรรมจริง หากปฏิบัติเอาจริงๆ พระเณรองค์นั้นก็จะรู้ธรรมจริงได้เหมือนกัน ”..
“ รุ่นพวกผมมันลำบากกว่ารุ่นของพวกท่านมาก รุ่นพวกผมสบายที่สุดคือเรื่องทางจิตใจ ติดขัดเรื่องใดในการปฏิบัติหลวงปู่ท่านแก้ให้ทั้งหมด และแก้ไขให้ในทันที รุ่นพวกผมอยู่กับหลวงปู่ชอบสมัยนั้น ทางกายนี้ลำบากมาก หลวงปู่ชอบท่านพานั่งภาวนาวันละเจ็ดแปดชั่วโดยที่ไม่ให้ลุกออกจากที่นั่ง นั่งกันจนก้นแตกก้นพองไปข้างหนึ่งเลย พระเณรบางองค์ทนต่อเวทนาไม่ได้ร้องให้ออกมาก็มี ยิ่งแสดงความอ่อนแอออกมาให้ท่านเห็น หลวงปู่ชอบท่านยิ่งจะจับให้นั่งสมาธินานๆ "..
" ถ้าไม่รักดีทนไม่ได้ หลวงปู่ชอบท่านจะไล่ออกจากวัดท่านไปเลย คนไม่มีความอดทนหลวงปู่ท่านจะไม่รับไว้เป็นลูกศิษย์ ท่านบอกเสียเวลาที่จะสอนคนอื่น ”..
“ สมัยนั้นหลวงปู่ชอบท่านยังเดินได้ ร่างกายของท่านยังแข็งแรง ท่านจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์รุ่นพวกผม และรุ่นพี่อย่างหนักทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย ท่านว่าให้เลยนะ เราฝึกพวกท่านขึ้นมาเพื่อหวังให้สืบทอดพระศาสนา เราฝึกพวกท่านขึ้นมาเพื่อให้เป็นครูบาอาจารย์แทนเราในอนาคต ต่อไปพวกท่านจะได้เป็นขุนศึกทหารเสือทางธรรมของเราในอนาคต รุ่นพวกเราจึงเป็นรุ่นทหารเสือทายาทธรรมของท่าน ”
หลวงพ่อผจญท่านถึงกับว่า พวกผมหลงดีใจว่าหลวงปู่ชอบท่านจะพักอยู่ที่นี่ พอท่านบอกว่าไปต่อผมกับหมู่เพื่อนได้แต่มองหน้ากันหล่อกแหล่ก เข้าไปกราบลาหลวงปู่เฉยแล้วเดินทางต่อ..

ทางสมัยก่อนก็แคบๆไม่ได้ลาดยางเหมือนกับสมัยนี้ เป็นทางลูกรังทางฝุ่นทางดินธรรมดา พากันเดินผ่านไปทางบ้านไหน หมาบ้านนั้นก็พากันเห่าเสียงดังแซวๆ เดินมาถึงบ้านกกบกตีนภูแปกพุ่นน่ะหลวงปู่ท่านจึงให้จุดโคมไฟเดินทาง มันมืดมาก สมัยนั้นป่าไม้มันยังดี ร่มไม้ใหญ่มันบังแสงเดือนแสงดาวทำให้มองเห็นทางไม่ถนัด..
ราวสามทุ่มกว่าหลวงปู่ชอบท่านพาเข้ามาพักที่บ้านกกกอก เข้ามาวัดบ้านกกกอก(วัดป่าปริตรบรรพต) ก็ไม่เห็นพระเณรอยู่ในวัดท่านออกเที่ยววิเวกกันไปหมด หลวงปู่ท่านสั่งให้พักเอาแรงก่อน หลวงปู่เกตุตอนนั้นท่านยังเป็นตาผ้าขาวอยู่ ท่านไปเอาหม้อในวัดมาก่อไฟต้มน้ำร้อนเพื่อที่จะสรงน้ำหลวงปู่ชอบ หลวงปู่ท่านบอกผม ผจญไปกรองเอาน้ำในห้วยมาให้เราล้างแข้งล้างขาหน่อยซิ..
ตอนนั้นผมก็ยังไม่เคยมาบ้านกกกอกซักครั้ง พึ่งจะมาเป็นครั้งแรก มาครั้งแรกก็เป็นเวลากลางคืน มืดหน้าตามัวหลงทิศหลงทางไม่รู้จะไปกรองเอาน้ำอยู่ที่ไหน ก็เลยกราบเรียนท่าน พ่อแม่ครูจารย์จะให้กระผมไปกรองเอาน้ำอยู่ที่ไหนขอรับ..
หลวงปู่ชอบท่านว่าให้ หูท่านไม่ได้ยินเสียงกบเสียงเขียดร้องหรือ กบเขียดมันร้องรับกันอยู่ที่ไหน ที่นั่นจะมีน้ำ อยู่บ้านบ่เคยทำไร่ทำนาหรือยังไงถึงไม่รู้จักเสียงกบเสียงเขียด มันไม่หัดสังเกตฟังเสียงธรรมชาติบ้างหรือไง..
เออ..หลวงปู่ท่านก็ว่าถูก เราก็ลูกชาวไร่ชาวนาเหมือนกันกับท่าน

ผมกำลังจะเดินไปทางเสียงกบเสียงเขียด หลวงปู่ชอบท่านบอก เฮ้ย..โบ๊ย อย่าเพลินฟังเสียงกบเสียงเขียดอย่างเดียวเด้อ ที่ไหนมีกบมีเขียดที่นั่นจะมีงูอยู่ด้วยเด้อ ระวังงูเงี้ยวเขี้ยวขอบ้างเด้อ..
กรองน้ำได้สองถังแล้วก็ล้างหน้าล้างตัวเอง เหลือบไปเห็นงูเห่าตัวเท่ากระบอกไฟฉายมันกำลังเลื้อยมาทางผม เห็นท่าไม่ดีก็เลยรีบหิ้วถังน้ำเอามาให้หลวงปู่..
หลวงปู่ท่านก็ล้างหน้าตาแข้งขาของท่าน เสร็จแล้วท่านก็บอกให้พากันไหว้พระสวดมนต์ ไหว้พระสวดมนต์เสร็จแล้วท่านบอกเดินทางต่อคืนนี้ต้องไปให้ถึงบ้านม่วงไข่ ได้ยินท่านสั่งให้เดินทางต่อหมู่คณะใจห่อเหี่ยวหมด มันเหนื่อยกันเต็มที่แล้วในตอนนั้น แต่ไม่มีพระองค์ใดค้านในคำสั่งของท่าน ผมนี้เหนื่อยมากจนหมดแรงข้าวต้ม ถ้าหลวงปู่ท่านพาเดินทางต่อไปอีกคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นลมได้ แค่มาถึงบ้านกกกอกก็ลมออกหูแล้ว..
ผ้าขาวพ่อเกตุ(หลวงปู่เกตุ)ท่านว่า พ่อแม่ครูอาจารย์จะไปทางไหนอีก นี่มันก็ดึกดื่นแล้ว ครูบาแต่ละองค์ท่านก็อ่อนแรงแบกบาตรแบกกลดกันไม่ไหวแล้ว พักเซาเอาแรงกันก่อนได้ไหมขอรับ..

การเดินทาง เอาแต่เท้าเดินทางมันก็เหนื่อยมากซิ เอาฌานเดินทางมันถึงไม่เหนื่อย ครูบาอาจารย์บอกสอนมันก็พากันขี้เกียจทำ..
ผ้าขาวเกตุท่านว่า เอ้ากะลูกศิษย์มีแต่เท้าบ่มีฌานเหมือนครูบาอาจารย์นี่ขอรับ หลวงปู่ท่านหัวเราะ ท่านเลยอนุญาตให้พักอยู่บ้านกกกอก ท่านว่า เอ้าถ้ามันเมื่อยจนใจจะขาดตายก็พักกันซ่ะ ได้ยินหลวงปู่ว่ามาแบบนี้โล่งใจเลย ถ้าบ่มีหลวงปู่เกตุขอไว้ป่านนี้มีพระเป็นลมแน่ๆ มีหลวงปู่เกตุเท่านั้นที่จะขอหลวงปู่ได้ พวกครูบาก็เลยได้ประโยชน์ไปด้วย..
คืนนั้นนอนไม่ได้มันเจ็บระบมไปหมดทั้งตัวจนเป็นไข้ บ่าทั้งสองข้างแตกแค่ขยับตัวผ้าอังสะเสียดสีกับบ่าก็แสบแปลบๆ นอนไม่ได้ก็นั่งภาวนาเอา พิจารณาจากร่างกายของตนเองที่มันเจ็บระบม นึกถึงหลวงปู่ตอนท่านเป็นพระหนุ่มท่านก็เคยบ่าแตกเพราะแบกบริขารเที่ยววิเวกเหมือนกัน ครูบาอาจารย์ท่านยิ่งโหดยิ่งหนักกว่าเราอีกท่านยังผ่านมาได้ เราแค่บทเรียนแรกก็ออกอาการท้อแล้ว ด่าตัวเองมันขี้แหล่ป่านนี้หรือเรา ครูบาอาจารย์ท่านผ่านได้เราก็ต้องผ่านได้เหมือนกันสิ ท่านก็คนเราก็คนกินข้าวเหมือนกันกับท่าน เราต้องทำให้ได้เหมือนท่าน ใจตัวเองก็เลยฮึดสู้ขึ้นมาไม่ยอมอ่อนแอท้อแท้เรื่องแค่นี้..
ฉันข้าวแล้วหลวงปู่ท่านพาออกจากบ้านกกกอกเดินทางมาบ้านม่วงไข่ อยู่บ้านม่วงไข่ประมาณเดือนหนึ่งหลวงปู่ชอบท่านจะออกเที่ยววิเวกขึ้นไปเชียงใหม่ หลวงปู่ท่านบอกผม ผจญ..เราจะขึ้นไปเที่ยววิเวกทางเมืองเหนือ เราไม่อยู่แล้วให้ท่านไปปฏิบัติกับอาจารย์คำดี(หลวงปู่คำดี ปภาโส)อยู่ถ้ำผาปู่ก่อนนะ ท่านสะดวกไปตอนไหนก็ไปตอนนั้นเลยเราอนุญาตท่านแล้ว..
พอหลวงปู่ชอบท่านขึ้นไปเหนือได้ไม่นานผมก็เข้าไปขอปฏิบัติกับหลวงปู่คำดีอยู่ที่วัดถ้ำผาปู่ จำพรรษากับท่านอยู่ที่นี่ ได้ไปรู้จักกับ
![]() |
หลวงพ่อผจญ หลวงพ่อขันตี |
หมู่เพื่อนก็ชวนให้ไปปฏิบัติกับ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ก็ไปกับเขา อยู่กับหลวงปู่ฝั้นแล้วก็กลับมาหาหลวงปู่ชอบที่บ้านโคกมน ได้เจอกันกับ พระอาจารย์มงคล สิริมังคโล(วัดป่าโป่งกระทิงบน จ.ราชบุรี) อยู่บ้านโคกมน หลวงพ่อบัวคำ มหาวีโร ท่านบอกให้ไปเที่ยววิเวกทางราชบุรีดู ท่านว่าป่าเขาทางนั้นเหมาะสมในการปฏิบัติเหมือนกับทางเมืองเลย ให้ไปปฏิบัติกับ หลวงปู่มหาปิ่น ชลิโต วัดอริยะวงศาราม จ.ราชบุรี ดูบ้างซิ ก็เลยชวนกันกับอาจารย์มงคลไปเที่ยววิเวกทางราชบุรี..
ออกจากราชบุรีหลวงพ่อผจญท่านขึ้นไปเที่ยววิเวกทางภาคเหนือเขตจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ท่านไปพักปฏิบัติอยู่กับ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง และไปจำพรรษากับ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ที่ วัดป่าอาจารย์ตื้อ อำเภอแม่แตง จ.เชียงใหม่..
หลวงพ่อผจญท่านว่า หลวงปู่ตื้อท่านมีความรู้ภายในพิสดารรวดเร็ว
![]() |
หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม |
ระหว่างที่หลวงพ่อผจญท่านเที่ยววิเวกและจำพรรษาอยู่ทางภาคเหนือ ท่านได้เที่ยววิเวกและขอพักอาศัยปฏิบัติกับครูบาอาจารย์รุ่นพี่หลายท่าน อาทิเช่น หลวงปู่ขาน ฐานวโร วัดป่าบ้านเหล่า จ.เชียงราย (พักปฏิบัติ) หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก จ.เชียงใหม่ (พักปฏิบัติ) หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ จ.เชียงใหม่ (พักปฏิบัติร่วมกันที่อื่น)..
โดยเฉพาะ หลวงปู่ขาน ฐานวโร วัดป่าบ้านเหล่า จ.เชียงราย องค์
![]() |
หลวงปู่ขาน ฐานสโร |
องค์ท่านหลวงปู่ขานท่านกล่าวยกย่องหลวงพ่อผจญว่า ท่านผจญตั้งแต่เป็นพระหนุ่มไม่กี่พรรษา จิตของท่านก็เริ่มใสงามแล้วนะ อยู่ด้วยกันไม่ว่ากลางวันกลางคืน เวลาเราส่งจิตออกไปดูท่านผจญ จิตท่านผจญจะเป็นแก้ววงใสอยู่อย่างนั้นทั้งกลางวันกลางคืน เราถึงรู้ว่าจิตของท่านผจญผ่านจุดเสื่อมของโลกียะไปได้แล้ว เหลือแต่ชั้นอื่นๆที่ท่านจะต้องปฏิบัติต่อไป..
ถามท่านผจญ จิตท่านทำไมเป็นวงใสอยู่ตลอด ท่านผจญเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนไม่อวดอ้างคุยโว ท่านก็ตอบเลี่ยงๆ ข้าน้อยไม่ได้ส่งจิตออกไปรบกวนใครๆ..
หลังจากลงมาจากภาคเหนือหลวงพ่อผจญท่านเข้ามาพักปฏิบัติกับองค์ท่านหลวงปู่ชอบที่วัดป่าสัมมานุสรณ์บ้านโคกมน องค์ท่านหลวงปู่ชอบถามถึงเรื่องการปฏิบัติทางด้านจิตภาวนาของท่าน หลวงพ่อผจญกราบเรียนถึงเรื่องการปฏิบัติภายในของท่านให้หลวงปู่ชอบฟัง..
องค์ท่านหลวงปู่ชอบบอกท่านว่า ผจญ..จากนี้ไปเราก็ไม่ห่วงท่านแล้ว ท่านมีหลักใจเป็นของตนเองสามารถคุ้มครองหมู่คณะลูกศิษย์ได้แล้ว
![]() |
หลวงปู่คำดี ปภาโส |
หลวงพ่อผจญท่านจึงกราบลาองค์ท่านหลวงปู่ชอบมาปฏิบัติอยู่กับองค์ท่านหลวงปู่คำดีที่วัดถ้ำผาปู่เป็นหลัก พอว่างเว้นท่านก็จะออกเที่ยววิเวกในเขตจังหวัดเลยและเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ หรือกลับมาปฏิบัติกับหลวงปู่ชอบ หรือ หลวงปู่หลุย จันทสาโร วัดถ้ำผาบิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย และ หลวงปู่ซามา อาจุตฺโต วัดป่าอัมพวัน อ.เมือง จ.เลย เป็นต้น..
ปี ๒๕๑๘ หลวงพ่อผจญท่านมาเที่ยววิเวกที่บ้านหมากแข้ง-กกกอก ท่านเข้ามาขออยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร ที่วัดสิริปุญญาราม (หลวงปู่มหาบุญมี วัดป่าวังเลิง ต.ท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัย
![]() |
หลวงปู่มหาบุญมี |
ต่อมาหลวงปู่มหาบุญมีท่านไปจำพรรษาอยู่ทางจังหวัดอุดรธานี หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร (วัดถ้ำสหายจันทร์นิมิต จ.อุดรธานี) พาหลวงพ่อผจญและหลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ (วัดป่าเวฬุวนาราม จ.เลย) มาเที่ยววิเวกที่บ้านหมากแข้งเข้าพักปฏิบัติกันอยู่ที่วัดสิริปุญญาราม หลวงพ่อจันทร์เรียนบอกหลวงพ่อผจญว่า ท่านผจญอยู่ที่นี่แหละ ที่นี่เหมาสมกับท่านที่สุด ต่อไปท่านจะได้ดูแลรอยมือรอยเท้าครูบาอาจารย์ทั้งบ้านหมากแข้งทั้งบ้านกกกอก หลวงพ่อจันทร์เรียนท่านก็พาหลวงพ่อสมศรีเที่ยววิเวกไปทางภูเรือ..
![]() |
พระอาจารย์จันทร์เรียน |
ตั้งแต่หลวงพ่อผจญท่านมาจำพรรษาที่ วัดสิริปุญญาราม บ้านหมากแข้ง ตำบลหนองงิ้ว อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ท่านก็พักอยู่ที่นี่เป็นประจำ เป็นบางปีที่ท่านไปจำพรรษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ วัดพุทธรัตนาราม เมืองเคลเลอร์ รัฐเท๊กซัส เพื่อสร้างโบสถ์วัดพุทธรัตนารามหลังจากที่องค์ท่านหลวงปู่ชอบได้วางศิลาฤกษ์ไว้..
หลังจากกลับจากสหรัฐอเมริกาสุขภาพธาตุขันธ์ของท่านเริ่มจะไม่
แข็งแรง ท่านมากราบเยี่ยมองค์ท่านหลวงปู่ชอบที่วัดป่าโคกมน สังเกตดูเวลาที่ท่านพนมมือพูดกับองค์ท่านหลวงปู่ชอบ มือของหลวงพ่อผจญจะสั่นผิดปรกติ ผู้เขียนเรียนถามท่านว่า อาจารย์เป็นอะไรไม่สบายหรือไงทำไมมือสั่นจัง ท่านบอก เร่งสร้างโบสถ์ให้เสร็จทันตามกำหนด ทำงานหนักตลอด อยู่ที่นั่นฉันแต่ของมันๆ ไขมันขึ้นสูงอุดตันเส้นเลือด หัวใจก็เต้นผิดปรกติ..หลังจากกลับจากสหรัฐอเมริกาสุขภาพธาตุขันธ์ของท่านเริ่มจะไม่
องค์ท่านหลวงปู่ชอบบอกให้หลวงพ่อผจญพักฟื้นร่างกาย และให้ท่านยุติการทำงานหนักทุกอย่าง..
หลังจากองค์ท่านหลวงปู่ชอบละขันธ์ ลูกศิษย์ขององค์ท่านหลวงปู่ชอบในเมืองเลยเกิดความว้าเหว่ทางด้านจิตใจไร้ที่พึ่ง เมื่อไม่มีหลวงปู่ท่านอยู่ด้วยญาติธรรมแต่ละคนจึงมุ่งเข้าไปหา " สามทายาทธรรมเมืองเลย " ของพระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม คือ..
หลวงพ่อขันตี ญาณวโร วัดป่าม่วงไข่ อ.ภูเรือ หลวงพ่อผจญ อสโม วัดป่าสิริปุญญาราม อ.วังสะพุง หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ วัดป่าเวฬุวนาราม อ.วังสะพุง ครูบาอาจารย์ทั้งสามองค์ท่านจึงรับทอดต่อมือจากองค์ท่านหลวงปู่ชอบ เพื่อสานธรรมเมตตาต่อจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์..
ปรกตินิสัยของหลวงพ่อผจญท่านจะเป็นผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตนต่อครูบาอาจารย์และหมู่คณะญาติโยม ท่านใช้ชีวิตอยู่อย่างสมถะเรียบง่ายไม่สะสมทรัพย์สินเงินทอง ท่านไม่เคยเรี่ยไรผ้าป่ากฐินกับใคร ปัจจัยเงินทองเมื่อได้มาท่านก็จะสละออกสงเคราะห์โลก..
เมื่อคราวองค์ท่านหลวงตามหาบัวทำโครงการผ้าป่าช่วยชาติ เงินทองที่มีผู้ถวายหลวงพ่อผจญท่านก็จะนำไปถวาย หรือฝากไปองค์ท่านหลวงตามหาบัวเข้าโครงการช่วยชาติ หลวงพ่อผจญท่านจะทำของท่านแบบนี้เงียบๆโดยปิดบังตนเองทางด้านสื่อ..
ตั้งแต่ช่วงในพรรษา เมื่อปี ๒๕๕๕ หลวงพ่อผจญ ท่านก็สั่งงดการก่อสร้างใดใดในวัด ท่านว่า โรคภัยไข้เจ็บมาเยือนแล้ว ให้เร่งไหว้พระสวดมนต์ เจริญจิตตภาวนาแทน ท่านอาพาธเป็นโรคมะเร็งปอดขั้นที่ ๔ แล้วมะเร็งลุกลามไปถึงต่อมน้ำเหลือง กินไปถึงกระดูกสะบักขวา ลามมาถึงกระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกรานบั้นเอวข้างซ้าย มีเวทนาแรงกล้า ท่านได้ใช้เวลาช่วงสุดท้ายแห่งธาตุขันธ์นั้นพิจารณาอรรถธรรม จนเมื่อวันพุธที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๖ ตรงกับวันแรม ๙ ค่ำ เดือน ๘ ท่านก็ได้ละสังขารลงด้วยอาการสงบ แพทย์ระบุเวลาสัญญาณชีพดับลงเมื่อเวลา ๒๑.๑๐ น. โดยประมาณ ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยา ปิ่นเกล้า กรุงเทพมหานคร สิริรวมอายุได้ ๗๐ ปี ๖ เดือน พรรษา ๔๗
**พญาครุฑเขามาบอกหลวงปู่ตื้อ**
![]() |
หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม |
เรียบเรียงโดย อดีตครูบากล้วย - พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท
**ด้านวัตถุมงคล หลวงพ่อผจญ**
เดิมทีท่านไม่คิดจะสร้างเหรียญ หรือออกวัตถุมงคลใดๆในรูปของท่านแม้ก่อนหน้านี้จะมีลูกศิษย์ ลูกหามาขออนุญาตจัดสร้างหลายครั้ง หลายหนแล้วก็ตาม แต่ท่านก็ไม่ได้อนุญาต โดยท่านให้เหตุผลว่า"เหรียญของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านทำไว้ให้บูชากันเยอะแล้ว ดีดี ทั้งนั้นสำหรับท่าน ไม่มีดีอะไรเท่าพ่อแม่ครูบาอาจารย์หรอก"
![]() |
เหรียญรุ่นแรกและรุ่นสุดท้าย ที่หลวงพ่อผจญ อธิษฐานจิต |
-หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
- หลวงพ่อขันตี ญาณวโร
- เจ้าคุณเลี่ยม วัดภูตูม
- หลวงปู่โกวิท
- และหลวงพ่อผจญ
ซึ่งเดิมทีท่านก็จะไม่ได้ให้สร้างแล้ว แต่เนื่องด้วยครูบาอาจารย์ท่านขอร้อง ท่านจึงยอมให้สร้าง โดยวัตถุมงคลของหลวงพ่อผจญ มีรุ่นนี้เพียงรุ่นเดียว ที่เป็นรุ่นแรก และ รุ่นสุดท้ายของท่าน ก่อนที่ท่านจะมรณะภาพในปี 2556
โดยมีงานพุทธาภิเษกใหญ่ 1 ครั้ง และแบ่งไปให้ครูบาอาจารย์ตามเหรียญเมตตาเดี่ยวอีกครั้ง ก่อนจะออกให้คนบูชา ทั้งเป็นชุด และ แบบเดี่ยว โดยมี 5 พิมพ์ 5 ครูบาอาจารย์ สร้างแบบละ 5000 องค์